ประวัติ ของ โฆเซ เด ซาน มาร์ติน

ชีวิตวัยเด็ก

โฆเซ เด ซาน มาร์ตินเป็นบุตรคนที่ 5 และคนสุดท้องของฆวน เด ซาน มาร์ติน และเกรกอเรีย มาร์ตอร์รัส เดล เซอร์ เกิดที่เมืองยาเปยู จังหวัดคอร์เรียนเตส ซึ่งอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอาร์เจนตินาในปัจจุบัน มีการโต้เถียงกันเกี่ยวกับปีเกิดที่แท้จริงของเขา เช่นเดียวกับการเข้าพิธีศีลล้างบาปที่ไม่มีบันทึกไว้ ต่อมาเอกสารอื่น เช่น หนังสือเดินทาง, บันทึกการแต่งงาน, และบันทึกการเป็นทหาร บ่งชี้ว่าปีเกิดของซาน มาร์ตินนั้นอยู่ระหว่างปี ค.ศ. 1777-1778 เมื่อซาน มาร์ตินอายุได้ 3-4 ปี ครอบครัวของเขาย้ายไปยังบัวโนสไอเรส

ในปี ค.ศ. 1783 ฆวน พ่อของเขาได้รับคำขอให้ย้ายไปสเปน ครอบครัวของซาน มาร์ตินได้ตั้งถิ่นฐานที่เมืองมาดริด แต่ฆวนไม่ได้รับการเลื่อนขั้นจึงได้ย้ายไปยังเมืองมาลากา ต่อมาในปี ค.ศ.1785 ซาน มาร์ตินได้เข้ารับการศึกษาในโรงเรียนในมาลากา และ เข้าเป็นนักเรียนนายร้อยในหน่วยทหารราบเมอร์เชียน เมื่ออายุได้ 11 ปี

ราชการทหารในทวีปยุโรป

ส่วนนี้รอเพิ่มเติมข้อมูล คุณสามารถช่วยเพิ่มข้อมูลส่วนนี้ได้

สงครามประกาศเอกราชลาตินอเมริกา

ในปี ค.ศ. 1811 เขาได้ออกจากกองทัพสเปนและลงเรือ จอร์จ แคนนิง จากประเทศอังกฤษกลับไปยังกรุงบัวโนสไอเรสซึ่งเป็นที่ที่เขาเติบโต และเดินทางถึงในวันที่ 9 มีนาคม ค.ศ. 1812 พร้อมกับเพื่อนของเขา ไม่นานหลังจากนั้น ซาน มาร์ตินได้ก่อตั้งกรมทหารกรานาเดโรสขึ้น ต่อมาในวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1817 ซาน มาร์ตินได้นำกองทัพแอนดีสซึ่งเป็นกองทัพปลดปล่อยจำนวน 4,000 คน ซึ่งเขาได้ฝึกด้วยตัวเขาเอง แบ่งทัพออกเป็นทัพย่อย 6 ทัพ แต่ละทัพใช้เส้นทางเดินทางแตกต่งกัน ข้ามเทือกเขาแอนดีส สู้รบกับกองทัพของสเปน และสามารถพิชิตกรุงซานเตียโกของชิลีได้

ถัดจากชิลี เขาได้วางแผนการรบที่จะบุกเปรูโดยทางทะเล แล้วได้ขึ้นบกที่เมืองปิสโก เปรู ในเวลาดังกล่าวนี้ ซาน มาร์ติน ได้ประกาศต่อกองทัพทั้งหมดว่า "ที่พวกเรามาที่นี่ ไม่ใช้เพื่อเอาชนะด้วยกำลัง แต่เพื่อปลดปล่อยประชาชน" แต่เมื่อไปถึงเปรู เขาก็พบกับปัญหาใหม่จากคำถามของชาวเมืองว่า ทำไมต้องปฏิวัติปลดแอก เปรูนั้นถือว่าล้าหลังที่สุดในจำนวนเขตทั้งหมดของสเปน ชาวเมืองไม่ได้รับผลกระทบจากสเปนมากนัก ชนชั้นต่าง ๆ ไม่ได้แบ่งแยกมากมายเหมือนที่อื่น ซาน มาร์ตินต้องชะลอการโจมตีกรุงลิมาออกไปและเผยแพร่ความคิดเรื่องเสรีภาพจนชาวเปรูเริ่มเข้าใจและมองเห็น เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1821 เขาก็สามารถปลดปล่อยกรุงลิมาได้สำเร็จ ในวันที่ 28 กรกฎาคม ซาน มาร์ติน ก็ได้ประกาศปลดปล่อยเปรูต่อหน้าประชาชนที่ได้มาชุมนุมกันที่จัตุรัส

แม้เปรูจะสามารถประกาศเอกราชได้แล้ว แต่ก็ยังคงต้องสู้รบกับกองทัพสเปนอีกหลายครั้งเพื่อให้บรรลุการเป็นเอกราชอย่างสมบูรณ์ ช่วงเวลาดังกล่าวนั้น ขณะที่ซาน มาร์ติน ได้เคลื่อนไหวการปลดปล่อยจากชิลี ขึ้นไปทางทิศเหนือนั้น ซิมอน โบลิบาร์ ก็กำลังเคลื่อนไหวปลดปล่อยอเมริกาใต้ในทางตอนเหนืออยู่เช่นกัน ซาน มาร์ติน คิดว่า เพื่อเอกราชของเปรูจำเป็นที่จะต้องร่วมมือกับกองทัพของโบลิบาร์ ทั้งสองจึงได้กำหนดที่จะพบกันที่เมืองกัวยากิล ซึ่งอยู่ในประเทศเอกวาดอร์ในปัจจุบัน

หลังจากการพบปะพูดคุยกัน ซาน มาร์ติน จึงสรุปได้ว่า จะมอบหมายการปลดปล่อยเปรูให้สำเร็จแก่ซิมอน โบลิบาร์ และเขาได้คืนตำแหน่งและอำนาจที่ตัวเขาได้รับมาในการประชุมรัฐสภาครั้งที่ 1 ของเปรู

บั้นปลายชีวิต

หลังจากนั้น ซาน มาร์ติน ก็ได้เดินทางออกจากเปรูไปชิลี บัวโนสไอเรส และข้ามไปยังยุโรป แล้วได้ปิดฉากชั่วชีวิตด้วยวัย 72 ปีที่บูลง-ซูร์-แมร์ ประเทศฝรั่งเศส ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1850